วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

JuOn ^^ ผีดุ ^^




JU-ON คือ คำสาปแช่งของผู้ที่ตายด้วยความทุกข์ทรมาน และแรงเคียดแค้น ซึ่งส่งผลกลายเป็นการอาฆาตและทำลายล้างผู้คนที่หลงเข้ามาวังวนแห่งความเจ็บปวดนั้น




ในวีดีโอภาค 1 และ 2 จะเป็นเรื่องตอนสั้นๆของแต่ละคนตามในหนังนี่ผีคายาโกะถูกสามีฆ่าตายอย่างทารุณ เพราะว่าสามีไปอ่านเจอในไดอารี่ของเธอที่เขียนพรรณนาว่าหลงรักเพื่อนชายคนหนึ่งซึ่งเ็นเพื่อนร่วมมหาลัย แบบไม่ค่อยปกติ เหมือนพวก Stalkerเรื่องของเพื่อนผู้ชายคนนั้นอยู่ในวีดีโอภาค 1 ตอนเริ่มต้นเลย เพื่อนผู้ชายคนนั้นเป็นครูประจำชั้นประถมของโตชิโอะตัวคายาโกะในสายตาของเพื่อนที่มหาลัย จะเป็นคนแปลกๆ เงียบๆ เหมือนจะขี้อาย เลยไม่ค่อยมีเพื่อนหรือคนชอบนัก เพราะความแปลกๆของเค้าคายาโกะได้มีความสัมพันธ์แค่คืนหนึ่งกับเพื่อนผู้ชายคนนั้นในวันหนึ่งตอนที่เพื่อนชาเมามาก นั่งแท็กซี่ไปด้วยกัน และโตชิโอะ คือ ลูกของผู้ชายคนนั้น โดยที่ทั้งผู้ชายและสามีของคายาโกะไม่ทราบมาก่อน จนโตชิโอะโตขึ้นมาเป็นเด็กชั้นประถมเพื่อนชายคนนั้นหลังจากเรียนจบก็ทำงานและแต่งงานกับเพื่อนที่มหาลัยด้วยกันเรื่องมันก็เกิดที่ว่าพอสามีรู้ความจริงก็คงจะเสียสติ โกรธและอาฆาตมาก ฆ่าคายาโกะอย่างทารุณส่วนโตชิโอะหายตัวไป แต่น่าจะตาย เพราะกลายเป็นผีมาหลอก รวมถึงแมวดำที่บ้านนั้นด้วย




หลังจากที่โตชิโอะหายตัวไปหลายวัน ทางโรงเรียนพยายามติดต่อทางบ้าน แต่ไม่มีคนอยู่ ครูประจำชั้นเลยต้องไปตามที่บ้าน พอไปตามก็พบโตชิโอะในสภาพมาเป็นเด็กดูปกติ (อย่างภาคหนังก็จะมีฉากโตชิโอะมานั่งเงียบ ตามตัวมีร่องรอยการทุบตี) ครูก็พยายามถามว่าพ่อแม่ไปไหน แต่โตชิโอะไม่ตอบ บ้านมีเสียงแปลกๆ ครูเลยไปเช็ค พอกลับมาอีกทีโตชิโอะหายไป ได้ยินเสียงที่ชั้นบนจึงลองขึ้นไปตามหาที่ชั้นบน พบโตชิโอะนั่งอยู่ในห้องและนั่งวาดภาพอยู่พอกำลังจะเดินลงบันได ก็มีเสียงอีกห้องข้างๆ ประตูค่อยๆเปิดออกซึ่งเป็นห้องของคายาโกะ ครูเดินเข้าไปดู พบไดอารี่บนโต๊ะของคายาโกะ เค้าก็เลยอ่าน พออ่านแล้วก็ตกใจ รู้ความจริงว่าโตชิโอะเป็นลูกที่เกิดจากคืนนั้น (อันนี้เดาเอา) ในขณะที่ตกใจก็ได้ยินเสียงจากตู้ คราวนี้ผู้ชายก็ผู้ชายว่ะ หวั่นเหมือนกัน ลองเปิดตู้ดู สิ่งที่เห็น คือ ศพของคายาโกะในสภาพที่ตายแบบทารุณจากการทรมานของสามี เลยรีบวิ่งไปอุ้มโตชิโอะ เพื่อที่จะหนีออกจากบ้าน แต่พอลงมาที่บันไดชั้นล่าง โทรศัพท์มือถือดังขึ้น ครูตัดสินใจรับสาย เป็นสามีของคายาโกะโทรเข้ามา ซึ่งสามีของคายาโกะได้ไปฆ่าภรรยาของครูซึ่งกำลังท้องแก่ใกล้คลอดที่อพาร์ทเมนท์ โดยกรีดเด็กออกมาจากท้อง เด็กที่ตายเอาใส่ถุงขยะและถือมาด้วย ปากก็บอกทางโทรศัพท์ว่า "ได้ลูกสาว"




(อันนี้คิดว่าพล็อตนี้ได้จากข่าว เรื่องจริงมีคดีฆาตกรรมที่ญี่ปุ่นที่เกิดขึ้น ฆ่าผู้หญิงท้องแก่โดยกรีดเอาเด็กออกมา แล้วเอาโทรศัพท์ยัดใส่ท้องไว้แทน แต่เด็กไม่ตาย)




ครูช็อคที่รู้ว่าภรรยาได้ถูกฆ่า ในขณะที่ช็อคโตชิโอะก็มีอาการแปลกๆหยิบโทรศัพท์มือถือที่ตกมาคุยกับแม่ และพูดว่า "เข้าใจแล้ว" จากนั้นก็อ้าปาก ครูเห็นก็ช็อค หลังจากนั้นผีคายาโกะก็ลงมาจากชั้นบน (คล้ายๆในภาคหนัง ตอนตำรวจ 2 คน ตาย) และครูก็ตายไปสรุปว่าตอนนี้ มี 2 ศพ ตายไปโดยความแค้น คือ ครูประจำชั้นของโตชิโอะและภรรยาของเค้า




ส่วนสามีของคายาโกะหลังจากโทรศัพท์ก็บ้า เสียสติไปแล้ว ขนาดศพทารกยังทุบ เหวี่ยงถุงกับตู้โทรศัพท์ เตะ ไม่รู้จะบรรยายภาพยังไง สลดมากระหว่างที่เดินไปก็มีถุงขยะที่วางไว้ข้างทาง จู่ๆถุงขยะนั้นก็เคลื่อนเข้ามาที่ตัวเค้า พร้อมกับมีแขนข้างหนึ่งยื่นออกมาจากถุงขยะและแล้วสามีของคายาโกะก็ตายไป โดยในภาคหนังจะอธิบายว่าพบศพของสามีคายาโกะตายที่ข้างถนน




นี่เป็นเรื่องจุดที่คิดว่าน่าจะอธิบายความเป็นมาของเรื่องได้ในวีดีโอภาค 1 ก็มีเรื่องของคนที่ย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านหลังนั้น และหนีไม่พ้นกับความแค้นของคายาโกะและโตชิโอะหลายๆคนโดนฆ่าไปรวมถึงตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดี ทำให้คดีนี้กลายเป็นคดีที่ไม่สามารถสืบสวนได้ ปล่อยทิ้งไว้จนมาในภาคหนังมีคนตายอีกที เลยต้องมาสอบสวนอีกทีแต่แล้วก็ตายอีก




--------------------------------------------




JU-ON เป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายในรูปแบบ วิดีโอ ที่ประเทศญี่ปุ่นและได้รับความนิยมมากจนต้องมี JU-ON 2 ตามมา ความสำเร็จของมันทำให้เกิดเสียงเรียกร้องจากเหล่าผู้ชม ที่จะได้มองเห็นความน่ากลัวของมันโลดแล่นบนจอภาพยนตร์ JU-ON : THE GRUDGE




--------------------

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Corpse Bride-ทิม เบอร์ตัน คอร์ป ไบร์ด เจ้าสาวศพสวย

Corpse Bride

Synopsis :

ในเมืองเล็กๆสองหนุ่มสาวขี้อายถูกจับให้แต่งงานกัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยพบกันมาก่อน วิคเตอร์และวิคตอเรียได้เข้าซ้อมพิธีแต่งงานแต่ในระหว่างซ้อมวิคเตอร์กลับกล่าวคำสาบานพลาดไปอย่างเลวร้าย ทำให้บาทหลวงกัลสเวลล์ไล่ออกจากโบสถ์ เขาเดินอย่างไร้จุดหมายเข้าไปในป่ามืด เขาลองซ้อมและสวมแหวนให้กับรากของต้นไม้ ทันใดนั้นซากศพโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินซึ่งมีแหวนสวมอยู่ที่นิ้ว ดูเหมือนว่าวิคเตอร์นั้นไม่รู้เลยว่า เขานั้นได้สาบานตัวเองเพื่อแต่งงานกับเจ้าสาวซากศพ

Tim Burton'shCorpse Bride carries on in theidark, romantic traditioniofihis classic Edward Scissorhands and Tim Burton'shThefNightmare Before Christmas.

Set in a 19th-century European village, this stop-motion animated feature follows theistoryiofiVictor.(voiced by Johnny Depp)., a young man whisked away to theiunderworld and wed to a mysterious Corpse Bride.(voiced by Helena Bonham Carter)., while his real bride, Victoria.(voiced by Emily Watson).waits bereft in theilandiofitheiliving.


Though life in theiLandiofitheiDead proves to be a lot more colorful than his strict upbringing, Victor learns that there is nothing in this world -- or theinext -- that can keep him away from his one true love. It'sha taleiofioptimism, romance and a very lively afterlife, told in classic Burton style.




ความเห็น / เนื้อเรื่องย่อ :

ครั้งแรกที่ได้ดูเรื่องนี้จากการโหลดบิต แล้วนำมาเปิดดู ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยสนใจที่จะหยิบมาดูเลย แต่เห็นเพื่อนที่ทำงานเขาดูกันแล้วบอกสนุกดีน่ะ ไม่น่าเบื่อ ที่แรกกล้าๆ กลัวๆ ก็เลยโหลดบิตมาดู ดูแล้วชอบน่ะ เลยมาเก็บแผ่นแท้ หนังเป็น Animation แบบหนังเพลง มีครบทุกรส ดราม่า ตลก เศร้า ซึ้ง ชอบตัวพระเอกและนางเอกที่ขี้อายดูแล้วน่ารักดี แล้วมีการร้องเพลงประกอบด้วยของเหล่าผีๆๆ สนุกจัง ซึ่งภาพที่เห็นก็เป็นไปตามแนวของ ผู้กำกับติสส์ๆ ภาพทึมๆ สลัวๆ ออกแนวฟิล์มนัวร์ ถ้าใครเคยดู Nightmare Before Christmas มาแล้วจะเห็นแนวคล้ายกันแต่เรื่องนี้ดูสนุกกว่าภาพสวยกว่า

ภาพประกอบตัวหนัง :




































































The Nightmare Before Christmas ( 1993 )

The Nightmare Before Christmas ( 1993 )


ชื่ออื่นๆ : Tim Burton's The Nightmare Before Christmas

ชื่อไทย : ฝันร้ายฝันอัศจรรย์ ก่อนวันคริสต์มาส

ผู้กำกับ : เฮนรี่ เซลลิค

ผู้แต่ง : ทิม เบอร์ตัน

วันเข้าฉาย : ปี ค.ศ. 1993

ประเภท : Animation, Family, Fantasy, Musical

ความยาว : 76 นาที

เรท : เรท PG

ภาษา : อังกฤษ

เรื่องย่อ



เมื่อ แจ๊ค สเกลลิงตัน ผู้นำแห่งเมืองฮาโลวีนติดใจในความอัศจรรย์ของวันคริสต์มาส เขาจึง จับตัวซานตาคลอส ไปแล้วทำหน้าที่เป็นซานตาคลอสเสียเอง วันคริสต์มาสปีนี้จึงกลายเป็นวันแห่งความโกลาหล


แนะนำตัวละคร







Jack Skellington พระเอกของเรื่อง โครงกระดูกสุดหล่อผู้นำเมืองฮาโลวีน ที่นึกเพี้ยนอยากเปลี่ยนวันคริสต์มาสเป็นวันฮาโลวีนซะยั่งงั้น จึงได้ปลอมตัวเป็นซานตาคลอส และสร้างเรื่องราวปั่นป่วนชวนสนุกขึ้น











Sallyนางเอกของเรื่อง เป็นตุ๊กตาที่อยู่กับ doctor โรคจิตที่ใช้งานเธออย่างหนัก ดังนั้นเธอจึงต้องการอิสรภาพ เธอได้พยายามหลบหนีหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ ดีที่มี Jack คอยช่วย ทำให้เธอรอดมาได้










Dr.Finkelsteindoctor สมองไหลผู้แสนเพี้ยน ผู้สร้างแซลลี่ และประดิษฐ์อุปกรณ์พิลึกพิลัน















Oogie Boogie เพื่อนตัวป่วนที่คอยสร้างเสียงหัวเราะของ Jack
















The Mayor ผู้ว่าการเมืองฮาโลวีน ผี 2 หน้า แสนเงอะงะ





























Lock & Shock & Barrel 3 พี่น้องจอมโกหก ผู้คอยสร้างความโกลาหลในวันคริสต์มาส









Zero เจ้าตัวน้อย สัตว์เลี้ยงผู้ซื่อสัตย์ของแจ็ค

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552

>....<

TVXQ

ความเป็นมาของ TVXQ ในช่วงที่วงการเพลงของเกาหลีกำลังหยุดนิ่งจนเกือบจะถึงจุดที่ตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ ก็ได้มีการปรากฏตัวของเด็กหนุ่มหน้าใหม่ 5 คน ในคอนเสิร์ตของ Britney Spears และ BOA ในเดือนธ.ค. ปี 2003 ซึ่งขณะนั้น ยังไม่มีใครรู้จักพวกเขาเลย แต่พวกเขาก็ได้สร้างความประทับใจให้กับคนดูเป็นอย่างมาก แล้วยังกระตุ้นให้วงการเพลงเกาหลีตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง และคงไม่มีใครคาดคิดว่า พวกเขาทั้ง 5 จะกลายเป็นวงบอยแบนด์ที่โด่งดังที่สุดวงหนึ่งของเกาหลี
สมาชิกคนแรกของ TVfXQ คือ หนุ่มน้อยขี้อายที่ชื่อ Kim Jun Su ซึ่งผ่านการแคสติ้งจากรายการโชว์ทางโทรทัศน์ที่ต้องการหาศิลปินหน้าใหม่มารวมตัวกันตั้งวงดนตรี ด้วยอายุแค่ 12 ปี เขาก็ได้เริ่มฝึกฝนตัวเอง โดยได้รับแรงผลักดันและสนับสนุนอย่างเต็มที่จากคุณแม่ซึ่งเป็นอดีตนางงามของประเทศเกาหลี Jun Su ได้รับการเทรนอีกถึง 6 ปี กว่าที่เขาจะได้ออกมาเป็นศิลปินอย่างเต็มตัว โดยใช้ชื่อในวงการว่า Xiah JunSuJung Yun Ho ก้าวเข้ามาร่วมทีมเป็นคนที่ 2 เขามีความมุ่งมั่นสูงมาก จนตัดสินใจจากบ้านเกิดที่ Gwang Goo มุ่งสู่กรุงโซล เพื่อตามหาความฝันที่จะเป็นนักร้อง หลังจากที่ได้รับรางวัลชนะเลิศด้านการเต้นจากการแข่งขันออดิชั่นของ SM Entertainment เขาก็ได้เริ่มจากการเป็นแดนเซอร์ และแรปเปอร์ ให้กับศิลปินรุ่นพี่ใน SM ที่ชื่อ Dana และเมื่อทางสังกัดเล็งเห็นความสามารถเกินตัวของเขา
จึงเสนอให้เป็นหนึ่งในสมาชิกของวง และเป็นที่รู้จักในนาม U-Know YunHo หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้สมาชิกคนต่อมา เป็นเด็กขี้อายแต่มีความฝันที่ยิ่งใหญ่ Kim Jae Joong ละทิ้งบ้านเกิดที่ Choong Nam เพื่อสานฝันให้เป็นจริง ทันทีที่ถึงกรุงโซล เขาก็ได้เข้าร่วมออดิชั่นของ SM Entertainment และด้วยรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่น ทำให้เขาได้รับรางวัลชนะเลิศโดยไม่ได้คาดฝัน จากนั้นก็ได้รับการเทรนราวๆ 4 ปี จึงได้ฤกษ์เป็นศิลปินเต็มตัว โดยได้ใช้ชื่อที่หมอดูเคยทำนายไว้แล้วเมื่อหลายปีก่อนว่า YoungWoong JaeJoong (Hero) สมาชิกที่เด็กที่สุดในวง Shim Chang Min ก็ได้ผ่านการออดิชั่น และได้รับรางวัลชนะเลิศด้านการร้องเพลงมาเช่นกัน ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะยังเป็นเด็กอยู่ แต่เขาก็มีพลังเสียงและโทนเสียงสูงที่โดดเด่นมาก เขาเป็นคนที่เอาจริงเอาจังกับการร้องเพลงมาก จนบางครั้งถึงกับร้องไห้ถ้าร้องไม่ได้อย่างที่ตั้งใจ และเขาก็จะยอมรับในความคิดเห็นของเพื่อนๆ ด้วย เขาเป็นคนที่ทุ่มเทให้กับทุกสิ่งที่ทำ
และมักจะถ่อมตนอยู่เสมอ ชื่อในวงการของเขาคือ ChoiKang ChangMin (Max) สมาชิกคนสุดท้าย คือ Park Yoo Chun ใช้ชีวิตตั้งแต่เด็กที่อเมริกา เขาชนะเลิศการประกวดร้องเพลงที่เวอร์จิเนียในปี 2001 และได้รับรางวัลพิเศษจากการประกวดร้องเพลงเยาวชน KBN ในปี 2003 จึงได้รับการทาบทามให้มาร่วมทีมเพียงแค่ 6 เดือนก่อนการเปิดตัววง TVfXQ อย่างเป็นทางการ แต่เนื่องจากเขาเรียนรู้เร็ว จึงเข้ากับสมาชิกคนอื่นได้ไม่ยาก นอกจากนี้เขายังมีความสามารถในการเล่นเปียโน และแต่งเพลงไว้มากมาย ถึงแม้ว่าเขาจะต้องอยู่ห่างกันคนละซีกโลกกับครอบครัว แต่ เขาก็ได้ปฏิเสธที่จะเป็น US Citizenship เพื่อที่จะมุ่งมั่นในการเป็นศิลปินอย่างเต็มที่ โดยใช้ชื่อว่า Micky YooChunและในคืนวันที่ 26 ธ.ค. 2003 ทั้ง 5 หนุ่มในนาม Tong Vfang Xien Qi ก็ได้ปรากฏตัวสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรก พวกเขาเรียกตัวเองว่าเป็นนักร้องแนว อะคาเปลล่าป๊อป พวกเขาได้ปลุกวงการเพลงเกาหลีขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากนั้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ TVfXQ ก็ออกซิงเกิ้ลแรกที่ชื่อว่า “HUG”
ซึ่งได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และอีกประมาณ 6 เดือนต่อมา ซิงเกิ้ลที่ 2 ของพวกเขา “The way U are” ก็ออกมาช็อคแฟนเพลงด้วยลุคใหม่ของทุกคนที่ต่างไปจากเด็กหนุ่มไร้เดียงสาเหมือนก่อนโดยสิ้นเชิง ซึ่งก็ทำยอดขายได้ประมาณ 600,000 แผ่น และในเดือน ก.ย. ปี 2004 พวกเขาทั้ง 5 ก็พร้อมสำหรับอัลบั้มเต็มชุดแรก “TRI-ANGLE” และ TVfXQ ก็ได้รับการยอมรับให้เป็น กลุ่มศิลปินที่ฮ็อตที่สุดในปี 2004 ความโด่งดังของ TVfXQ ไม่ได้หยุดอยู่แค่ในเกาหลีเท่านั้น พวกเขายังได้ขยายความนิยมไปยังประเทศต่างๆ ในแถบเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น และแน่นอนว่าพวกเขากำลังจะเข้ามาครองใจแฟนเพลงชาวไทยด้วย นับว่า Tong Vfang Xien Qi เป็น “เทพเจ้าที่เติบโตขึ้นมาจากซีกโลกตะวันออก” และกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ สมชื่อจริงๆ

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552

^..^ Girl Generation ^..^


Girl Generation


เกิร์ลส เจเนเรชั่น เวอร์ชั่นทหารเรือหญิงสุดเซ็กซี่ อวดเรียวขายาวสวยในเพลง Genie มินิอัลบั้ม ชุดที่ 2หลังจากที่ประสบความสำเร็จไปแล้วอย่างท่วมท้น กับเพลง GEE(จี) ที่ติดอันดับ 1 ยาวนานถึง 9 สัปดาห์ ล่าสุด เกิร์ลส เจเนเรชั่น กลับมาอีกครั้ง กับเพลง GENIE(จีนี่) ในมาดทหารเรือสาวสุดเซ็กซี่ โชว์เรียวขายาวสวย พร้อมแล้วที่จะกลับมาสร้างความฮิตอีกครั้ง



เกิร์ล เจเนเรชั่น ส่งผลงานล่าสุด มินิอัลบั้ม ชุดที่2 GENIE พร้อมปล่อยเพลงเปิดตัวเพลงแรก ชื่อเดียวกับอัลบั้ม โดยพวกเธอขอเป็นเทพธิดาแห่งความโชคดีของทุกคน เพราะเนื้อหาของเพลง พูดถึงเรื่องราวของคนที่เหนื่อยล้าและหมดกำลังใจในการดำเนินชีวิต และเพื่อให้พวกเขาได้มีกำลังใจและความมั่นใจในยามที่พวกเขารู้สึกท้อแท้ พวกเขาก็จะได้รับแรงบันดาลใจจาก เทพธิดาแห่งความโชคดี นั่นก็คือ เกิร์ลส เจเนเรชั่น นั่นเอง เพลงนี้จึงออกมาในรูปแบบของเพลงที่สนุกสนานมีจังหวะที่ทันสมัยเหมาะกับการเต้น และทันทีที่เปิดตัว เพลงนี้ ก็สามารถสร้างปรากฎการณ์ ติดอันดับเพลงฮิตได้อย่างรวดเร็ว เพราะทุกคนต่างติดใจในจังหวะที่สนุกสนานของเพลง บวกกับชุดคอนเซปที่เป็นชุดทหารเรือหญิงสุดเซ็กซี่ ที่ดูแล้วช่างน่ารักเหมาะกับเพลงนี้จริงๆ



อัลบั้มชุดนี้มีด้วยกันทั้งหมดหกเพลงซึ่งแสดงถึงความเป็น เกิร์ล เจเนเรชั่น รวมไปถึงเพลง Genie และนั่นก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่า เกิร์ล เจเนเรชั่น มีเพลงใหม่ที่ติดอันดับเพลงยอดนิยมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเพลง ‘Into the New World’ ,‘Girls’ Generation’, ‘Kissing You’, ‘Baby Baby’, และเพลง ‘Gee.’ ติดตามชมความน่ารักปนเซ็กซี่ของของ เกิร์ล เจเนเรชั่นในมิวสิควีดีโอเพลง GENIE ได้แล้ววันนี้ ตามรายการเพลงต่างๆ แฟนตัวจริง ห้ามพลาดรีบไปจับจองเป็นเจ้าของมินิอัลบั้มชุดที่ 2 GENIE ได้แล้ววันนี้



แนะนำอัลบั้ม



Girls’ Generation กลับมาในรูปแบบของ “เทพธิดาแห่งความโชคดี”พร้อมแล้วที่จะมากวาดความสำเร็จด้วยการยึดอันดับต้นๆ ของชาร์ทเพลงชื่อดังในครึ่งปีหลังนี้
Girls’ Generation กลับมาพร้อมกับมินิอัลบั้มชุดที่สอง ‘Genie’ ซึ่งจะวางแผงในวันที่ 25 มิถุนายน นี้ Girls’ Generation ได้ทำเพลงชุดที่สองให้เป็นเพลงฮิตติดอันดับเหมือนเพลงก่อน ๆ ในปี 2009
Girls’ Generation กวาดรางวัลยอดนิยมอันดับโลกด้วยเพลง ‘Gee’ และอีกทั้งยังเป็นเพลงฮิตติดชาร์ท ในหลาย ๆ คลื่นวิทยุ, สื่ออินเตอร์เน็ต, การดาวน์โหลดทางมือถือ และการออกอากาศทางโทรทัศน์ นอกจากนั้นยังเป็นเพลงที่ติดชาร์ทของ KBS ‘Music Bank’ ถึง 9 สัปดาห์ติดต่อกัน หลักจากอัลบั้มแรกของ Girls’ Generation พวกเธอกลับมาในรูปแบบของ เทพธิดาแห่งความโชคดี ( Goddess of Luck ) กับเพลง ‘Genie’ ให้เป็นเพลงฮิตติดชาร์ท อีกครั้ง
อัลบั้มชุดนี้มีด้วยกันทั้งหมดหกเพลงซึ่งแสดงถึงความเป็น Girls’ Generation รวมไปถึงเพลง Genie และนั่นก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่า Girls’ Generation มีเพลงใหม่ที่ติดอันดับเพลงยอดนิยมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเพลง ‘Into the New World’ ,‘Girls’ Generation’, ‘Kissing You’, ‘Baby Baby’, และเพลง ‘Gee.’พลังงานที่ไร้ขีดจำกัดจาก ‘เทพธิดาแห่งความโชคดี’ Girls’ Generation!เพลง ‘Genie’Genie เป็นเพลงเปิดตัวในอัลบั้มที่สองซึ่งเป็นเพลงต่อจากเพลง ‘Gee’ เป็นเพลงที่มีความสนุกสนาน โดยทำเพลงร่วมกับนักร้องที่มีความสามารถมากที่สุดในขณะนี้คือ ฮยอง จิน ยู, ฮาน จิน ยู, นอกจากนื้นยังได้ ‘Dsign Music’ โดยทีมนักแต่งเพลงชาวยุโรปที่อาศัยอยู่ในประเทศอเมริกา
Intro ของเพลงทำให้รู้สึกถึงความประทับใจและความน่าชื่นชมโดยที่มีความผสมผสานกันอย่างกลมกลืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีเนื้อเพลงที่บอกถึงเรื่องราวของคนที่เหนื่อยล้าและหมดกำลังใจในการดำเนินชีวิตเพื่อให้พวกเขาได้มีกำลังใจและความมั่นใจเมื่อพวกเขารู้สึกท้อแท้ พวกเขาก็จะมีแรงบันดาลใจจาก Girls’ Generation ‘เทพธิดาแห่งความโชคดี’



ความผสมผสานอย่างน่าอัศจรรย์ระหว่าง เจสสิก้าและ อนยู ที่ได้ขับร้องคู่กันในเพลง ‘One Year Later’เพลงนี้เป็นเพลงคู่สไตล์บัลลาดซึ่งได้นำเจสสิก้ามาขับร้อง ความลงตัวนี้ทำให้งานเพลงออกมามีความอ่อนหวานนุ่มนวล และมีเสน่ห์ เนื้อเพลงบอกเล่าถึงคู่รักที่กลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากที่ได้เลิกลากันมาเป็นเวลาหนึ่งปี โดยใส่อารมณ์ความรู้สึกลงไปในเพลงนี้ได้อย่างดีเยี่ยมอัลบั้มนี้ยังมีเพลงอื่นๆ อีกที่มีความน่าสนใจและไพเราะ เช่นเพลง ‘Etude’ และในการเต้น Euro Dance ก็ยังช่วยให้พวกคุณได้รู้จักกับความรักอย่างแท้จริงผ่านทางเสียงเพลงอันไพเราะของสาวๆ Girls’ Generation เพลง ‘Girlfriend’ เป็นเพลงในปี 1980 ที่นำมาดัดแปลงใหม่ เพลง ‘Boyfriend’ มีเนื้อหาเพลงที่มีความหวานซึ้งของคนที่แอบรักข้างเดียว และเพลง ‘My Child’ มีเนื้อเพลงที่ทำให้เรานึกถึงนิทานสมัยเรายังเด็กและยังทำให้เราวาดฝันอนาคตเมื่อได้ฟังเพลงนี้



ในอัลบั้มนี้ (Girls’ Generation) ได้มีนักแต่งเพลงชื่อดังทั้งในเกาหลีและต่างประเทศมาช่วยแต่งเพลงในอัลบั้มนี้ เช่น ยัง จิน ยู, แคนซี่, ซุง จี ฮวง, จิน ฮวาง คิม ซึ่งทำให้อัลบั้มนี้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น



ในมินิอัลบั้มที่สอง‘Genie’ของ Girls’ Generation นี้ได้วางแผนในการเปิดตัวในหลายๆ ที่ โดยเริ่มที่ KBS ‘Music Bank’ ในวันที่ 26 มิถุนายน และทุกคนก็รอคอยเพลงฮิตติดชาร์ตจากอัลบั้มใหม่ของ Girls’ Generation ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป



Album Review


1. 소원을 말해봐 (Genie) ในเพลง‘Genie’มีจังหวะที่ทันสมัยและสนุกสนานเหมาะกับการเต้นโดยมีดนตรีรวมไปถึงนักแต่งเพลงที่มีความสามารถ คือ ยัง จิน ยูว(Young-jin Yoo), ฮัน จิน ยูว (Han-jin Yoo), และ ‘Dsign Music’ เป็นทีมงานชาวยุโรปที่อยู่ในอเมริกาได้มาช่วยในอัลบั้มนิ้โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีเนื้อเพลงที่บอกถึงเรื่องราวของคนที่ เหนื่อยล้าและหมดกำลังใจในการดำเนินชีวิตเพื่อให้พวกเขาได้มีกำลังใจ และความมุ่งมั่นเมื่อพวกเขารู้สึกท้อแท้ พวกเขาก็จะมีแรงบันดาลใจจาก Girls’ Generation ‘เทพธิดาแห่งความโชคดี’


2. Etude เพลง ‘Etude’ เป็นการเต้นแบบยูโร แด๊นซ์เพลงนี้ช่วยให้พวกคุณได้รู้จักกับความรักอย่างแท้จริงผ่านทางเสียงอันไพเราะของสาวๆ Girls’ generation พวกเธอพูดถึงเนื้อหาเกี่ยวกับการเอาชนะใจคนและการวางตัวของผู้หญิง


3. 여자친구 (Girlfriend) เพลงนี้เป็นเพลงที่ทุก ๆ คนให้ความสนใจ โดยได้นำมาเรียบเรียงใหม่ในแนวเพลงแบบเรโทร ในยุค ’80 ซึ่งแต่งโดย แคนซี่ (นักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียง) และเพลงนี้มีแนวเพลงเป็น retro-pop ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังตกอยู่ในห้วงของความรัก


4. 남자친구 (Boyfriend)‘Boyfriend’ เป็นเพลงเต้นที่ผสมผสานจังหวะที่มีกลิ่นไอของเรโทร โดยมีทำนองที่ซ้ำกันในตอนท้าย เนื้อเพลงทำให้ผู้ฟังรู้สึกถึงความหวานของการรักใครสักคนข้างเดียวและได้ใช้เครื่องดนตรีและเสียงผสานที่ทำให้เพลงมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น


5. 동화 (My child)ในเพลงนี้ได้นำความเป็นนิทานมาทำเนื้อเพลงและทำนองเพื่อให้ผู้ฟังได้มีจินตนาการวาดฝันอนาคตของตนเอง นอกจากนั้นเพลงนี้ยังได้นำดนตรีคลาสสิคมาผสมผสานกับฮิปฮอป ซึ่งทำให้เกิดความสดใสและน่ารักในโลกของนวนิยายและอีกทั้งยังมีเอกลักษณ์ในการเรียบเรียงและแสดงออกมาได้อย่างชัดเจน


6. 1 년 後 (One Year Later)เพลงนี้เป็นเพลงคู่สไตล์บัลลาดซึ่งได้นำเจสสิก้ามาขับร้อง ความผสมผสานกลมกลืนนี้ทำให้งานเพลงออกมามีความอ่อนหวานนุ่มนวล และมีเสน่ห์ เนื้อเพลงบอกเล่าถึงคู่รักที่กลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากที่ได้เลิกลากันมาเป็นเวลาหนึ่งปี โดยใส่ความรู้สึกลงไปในเพลงนี้ได้อย่างดีเยี่ยม


ชื่อเพลง


1. 소원을 말해봐 (Genie) เนื้อร้องโดย: ยัง จิน ยูว (Young-jin Yoo)แต่งโดย: Anne Judith Wik/Robin Jensen/Ronny Svendsen/Nermin Harambasic/Fridolin NordsoAdditional Composed by Young-jin Yooเรียบเรียงโดย: Han-jin Yoo


2. Etude เนื้อร้องโดย :Sung-je Hwang (BJJMUSIC), Je-ni Yooแต่และเรียบเรียงโดย : Sung-je Hwang (BJJMUSIC)


3. 여자친구 (Girlfriend) เนื้อร้องโดย : Jung-bae Kimแต่งและเรียบเรียงโดย : by Kenzie


4. 남자친구 (Boyfriend)เนื้อร้องโดย : Ji-hu Kimแต่งโดย : Jimmy Richard(XP Music Publishing)/Michael Snyder(Rondor Universal Publishing)/ JoJo Bee(XP Music Publishing)/Joachim Svare(XP Music Publishing)/Carsten Lindberg(XP Music Publishing)เรียบเรียงโดย : The Great Danes and JoJo Bee


5. 동화 (My Child)เนื้อร้องโดย : Sung-je Hwang (BJJMUSIC), Je-ni Yooแต่งและเรียบเรียงโดย : Sung-je Hwang (BJJMUSIC)


6. 1 년 後 (One Year Later)เนื้อเพลง, แต่และเรียบเรียงโดย : Jin-hwan Kim

*_* Big Bang *_*



ประวัติ

Big Bang ได้ออกรายการต่อสาธารณะชนเป็นครั้งแรกผ่านรายการสารคดี 10 ตอน ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 15 กรกฎาคม - 13 สิงหาคม 2006 ในรายการแสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจของ Yang Hyun Suk (ผู้ก่อตั้ง YG Entertainment) ที่จะคัดสมาชิกวง Big Bang ออกจาก 6 คนให้เหลือแค่ 5 คน โดยที่ในตอนแรก เขาตั้งใจจะคัดสมาชิกออก 2 คน ก็คือ SO-1 และ Seung Ri แต่มาภายหลัง กลายเป็นว่า SO-1 ถูกคัดออกคนเดียวในตอนที่ 9 ของรายการ พวกเขาเปิดตัวครั้งแรกที่คอนเสิร์ต TG Family ซึ่งมีขึ้นในวันที่ 19 สิงหาคม 2006 ที่ Gymnastics Arena ในโซล


สมาชิกวง

G-Dragon - หัวหน้าวงของ Big Bang ชื่อ ควานจียง (Kwon Ji Yong - 권지용) แฟนๆเรียกเขาว่า GD หรือ G-Dragon (Yong ในภาษาเกาหลี แปลว่า มังกร) เขาถูกฝึกโดย YG มาตั้งแต่เขาอายุ 13 ระหว่างการฝึก จียง และยองเบ (Young Bae) ถูกรู้จักกันในชื่อ GDYB และมีแฟนชื่นชมเขาพอควร ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยออกอัลบั้ม จียงมีความสนใจในแฟชั่น ถึงกับพูดว่าถ้าเขาไม่ได้เป็นนักร้อง เขาคงจะก้าวเข้าไปสู่วงการแฟชั่น นอกจากความสามารถด้านการแรพและบีทบอกซ์แล้ว เขายังเป็นคนแต่งเพลงหลายๆเพลงให้กับวงด้วย อย่างเช่นเพลง Lies (거짓말) ซึ่งตั้งแต่เพลงออกมา ได้ขึ้นอันดับหนึ่งของชาร์ตเป็นเวลามากกว่า 2 เดือน

แทยัง (Tae Yang - 동영배) หรือที่รู้จักกันในชื่อยองเบ (Young Bae) เป็นเด็กฝึกหัดที่ YG มาตั้งแต่อายุ 13 ปี เช่นเดียวกับจียง แต่คราวนี้เขาเปิดตัวในชื่อแทยัง เขาเริ่มจากการเป็นแรปเปอร์ และกลายมาเป็นนักร้องคนหนึ่งของวง เขาเป็นที่รู้จักกันในเรื่องที่เขากลัวผู้หญิง และขี้อายมาก ในขณะนี้ แทยังกำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมตัวออกอัลบั้มเดี่ยว ซึ่งเขาเป็นคนแรกในวงที่จะออกอัลบั้มเดี่ยว


T.O.P. - ผู้อาวุโสสุดของวง ชเวซึงฮยอน (Choi Seung Hyun - 최승현) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Tempo หรือ T.O.P. รุ่นพี่และสต๊าฟในค่ายเรียกเค้าว่า คึนซึงฮยอน (Keun Seung Hyun) แปลว่า Bigซึงฮยอน เพื่อแยกระหว่างสมาชิก 2 คนที่มีชื่อเดียวกัน ก่อนที่เขาจะเข้าร่วมวง Big Bang เขาเคยชนะในรายการ Rap Battle ที่จัดขึ้นโดย KBS Radio ในปี 2003 เทมโปเป็นหนึ่งในสองของแรปเปอร์ในวง และมีความสามารถมากๆในการทำบีทบอกซ์ เขายังได้แสดงในละครเกาหลีเรื่อง “I Am Sam” โดยมีชื่อในละครว่า Chae Mu Shin


Smiling Angel คังแดซอง (Kang Dae Sung - 강대성) เป็นนักร้องอีกคนหนึ่งของวง แฟนๆชื่นชอบเขาในความที่เขาเป็นคนมีอารมณ์ขัน และเสียงที่ไพเราะ ระหว่างที่เขาถูกเรียกมาทดสอบ เขาถูกเรียกว่าเป็นคนไม่หล่อ แต่มาภายหลัง ทีมงานต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวว่า เขาเป็นคนที่ดังที่สุดในวง Big Bang คังแดซองเป็นคนที่ชื่นชอบในตัวการ์ตูนโดราเอมอนเป็นอย่างมา เขายังเป็นที่รู้จักในชื่อ “Gag/Comedy Geniur Dae Sung” (Gae Chun Dae Sung) ด้วยความที่เขาเป็นคนมีอารมณ์ขัน และเขายังมีความสามารถพิเศษที่สามารถเลียนแบบเสียงของบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือแม้กระทั่งสัตว์ต่างๆ


อีซึงฮยอน (Lee Seung Hyun - 이승현) หรือ ซึงริ (Seung Ri) เป็นน้องเล็กของวง ชื่อของเขาในตอนแรกที่เปิดตัววงชื่อ V ซึ่งย่อมาจากคำว่า Victory ทีมงานของ YG เรียกเขาว่ามักเน (Mag Nae) ซึ่งแปลว่าน้องคนเล็ก ก่อนที่จะเข้าร่วมวง เขาเคยเข้าร่วมในรายการ “Battle Shinhwa” ซึ่งเป็นรายการสำหรับคัดเลือก Shinhwa รุ่นที่ 2 แต่เขาได้ถูกคัดออกไปในตอนที่ 13 เนื่องจากว่า เขาเต้นเก่งมากๆ แต่ว่าเสียงของเขาไม่เป็นที่น่าประทับใจ อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการของ TG จดจำความสามารถเขาได้ และชวนเขามาฝึกฝนที่ YG ความสามารพิเศษของซึงริก็คือ การเต้น และการออกแบบท่าเต้น



Agency : YG Entertainment



สมาชิกในอดีต

จางฮยอนซึง
(Jang Hyun Seung) หรือ So-1 เป็นนักร้องเสียงหวานใสอีกคนที่เปิดตัวในนาม BIGBANG แต่เนื่องจากเขาไม่สามารถผ่านการออดิชั่น เพื่อร่วมเป็นสมาชิกบิ๊กแบงค์ได้


ผลงาน

ซิงเกิ้ล (เกาหลี)
- [2006.08.29] BIG BANG- [2006.09.28] Bigbang is V.I.P- [2006.11.22] B I G B A N G
03



มินิ-อัลบั้ม (เกาหลี)
- [2007.08.16] Always- [2007.11.23] Hot Issue



อัลบั้ม (เกาหลี)
- [2006.12.22] SINCE 2007- [2007.02.08] Live 1st Concert The Real



อัลบั้ม (ญี่ปุ่น)- [2008.01.04] For the World
อื่นๆ :



รางวัล

Netizen Award: Viewer's Choice Award- Cyworld: Song of the Month (August - Lie)- Cyworld: Song of the Month (September - Lies)- 2007 M.NET/KM Music Festival: Song of the Year - Lie- 2007 M.NET/KM Music Festival: Best Male Group- No. 1 ranking on the SBS music chart (Lie)- No. 1 ranking on the MBC music chart (Lie)- No. 1 ranking on the SBS music chart (Lie)- No. 1 ranking on the KBS music chart (Lie)- No. 1 ranking on the Mnet Chart music chart (Lie)- No. 1 ranking on the Juke-on music chart (Lie)- No. 1 ranking on the Melon music chart (Lie)- 2007 22nd Annual Golden Disk Awards: Bonsang (Dirty Cash)

^^ MIYAVI ^^


Miyavi


ตำแหน่ง : เมื่อก่อนเป็น guitarist และร้อง back-up ให้วง Due le quartz ปัจจุบันเป็นศิลปินเดี่ยว.
วันเกิด :14 กันยายน 1981
ราศี : Virgo ราศีกันย์
เกิดใน : Hyougoken ที่ญี่ปุ่นความสูง : 185
น้ำหนัก : 57 kg
สีที่ชอบ : สีชมพู
แบรนด์ที่ชอบ : Ba - Tsuชอบกางเกงยีนส์ของ : Paul Gaultier, Here-There, Beauty - Beast และ Gucci ยี่ห้อน้ำหอมที่ชอบ : Dolce & Gabbana ชอบกิน : ช็อคโกแลตเค้ก, อินาริ, ซูชิ และ Juujitsu Yasaiไม่ชอบกิน : บลอคโคลี่ และ น้ำมะเขือเทศ
"อิชิฮาระ ทาคามาสะ" เป็นชื่อที่ทุกคนเข้าใจกันว่าเป็นชื่อของมิยาบิแต่ตอนที่มิยาบิไปต่างประเทศชื่อในพาสปอร์ตของเขา คือ "อิโมโตกิ โคดะ" เลยยังไม่แน่ชัดว่าชื่ออะไรกันแน่

ชีวิตในวัยเด็ก

มิยาบิเกิดที่ เมืองซึรุฮาชิ จังหวัดโอซาก้า แม่ของเขาเป็นคนญี่ปุ่นส่วนพ่อของเค้าคือคนเกาหลีเกาะไซนิชิ(คนเกาหลีที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น)นามสกุลภาษาเกาหลีของเขาคือ " ลี (李) " จากนั้นไม่นานพ่อแม่ของเขาก็หย่ากัน โดยเขากับแม่ก็ไปอาศัยอยู่กับตาของเขาที่เมืองคาวานิชิและ เป็นที่ๆเขาได้เติบโตขึ้นมา


เพลงที่ออกเป็น Single

Coo quack cluck-ku.ku.ru - Tariraritarara-(Singles) Jibun Kakumei 2003-(Singles) Jingle Bell (Kari)
shindemo Boogie - Woogie Miyavi คือสมาชิกที่อายุน้อยที่สุด ของวง Due le quartz. ตอนนั้นเขาถูกเรียกว่า Miyabi หมายถึงสิ่งที่งดงาม. เสน่ห์ที่น่าหลงใหลและ ความชำนาญในด้านดนตรีน่าจะเป็นสิ่งที่สร้างรายได้ให้เขาต่อไปแต่น่าเสียดายที่ Due le quartz ได้ยุบวงในเดือนกันยายน 2002. แฟนเพลงบางกลุ่มได้ช่วยเหลือ และเรียกร้องให้ Miyabi เป็นศิลปินเดี่ยวแล้วเขาก็กลับมาอีกครั้งใน TV กับชื่อใหม่ "Miyavi" เพื่อโปรโมตอัลบั้มแรกของเขา gagaku. เมื่อปล่อยมิวสิค วีดีโอชุดแรก "Girls' be Ambition"แฟนเพลง Due le quartz จำนวนมากจากไป พวกเขาสั่นหัว และไม่อยากจะเชื่อ Miyavi และ Miyabi แตกต่างกันมาก ขณะที่แฟนเพลงเก่าๆของเขาเริ่มท้อแท้ และ ผิดหวัง แต่ในทางกลับกันกลุ่มแฟนเพลงใหม่ๆของเขากลับชื่นชอบเพลงในแนวทางของเขา ในผลงานเดี่ยวของเขา เขาดูท่าทางมีความสุข ด้วยวัยหนุ่มและความหลงใหลธรรมชาติ หลงใหล extreme สร้างความประหลาดให้กับวิดีโอเพลง และรูปภาพ เขามีผมทุกสีที่ไปด้วยกันกับบุคลิกของเขา ขณะที่เพลงในอัลบั้มแรกของเขาอยู่ในลำดับพื้นฐาน การเปรียบเทียบแทร็ค Ashita tenki ni nare จาก 'Jingle bell' ว่าเหมือนการเปรียบเทียบฤดูหนาว ฤดูร้อน อนึ่งShindemo Boogie Woogie ก็มีความแตกต่างมาก รู้สึกได้กว่า Pop is deed. คะแนน? Miyavi ไม่มองขีดจำกัดความต้องการของตัวเองแน่นอน เมื่อเขาเขียนเพลง และการสังเกตนี้ไม่ใช่ข้อจำกัดอารมณ์ แต่มันรวมถึงเครื่องมือ,ระยะส่งเสียง,การนำเสนอ หรือไม่เขาก็สร้างดนตรีเป็นแบบ acoustic,melodic,catchy as hell และบางครั้งก็แค่เน้นเสียงดังๆ ถ้าคุณต้องการจะให้เขาทดลองมีข้อสมมุติจำนวนมากมาย หลังการเปลี่ยนแปลงชื่อของเขา แต่ส่วนมากคือคิดว่าเป็นแนวความคิดของเขาที่จะเปลี่ยนแปลง และไม่อยากเป็นคนเดียวกับที่เขาเคยเป็นตอนที่อยู่ Due le quartz. คนอื่นๆพูดว่า เขาแค่ชอบทำให้คนประหลาดใจกับความคิดของเขา. มีแฟนเพลงจำนวนมากที่รอคอยภาพพจน์ visual อย่างที่เขาเคยเป็น Miyavi เองบอกว่ามันคือชนิดของความแปลกก่อนการแสดงครั้งแรกของเขา เขาไม่แน่ใจว่ากำลังทำอะไรกับเวลาอันมีค่านี้ เพราะว่ามันใช้ไปกับการ make-up และจัดสไตล์ของทรงผมเป็นชั่วโมงๆ เขาพูด แต่อย่างไรก็ตามเขายังคงทำมันต่อไป เพื่อแฟนๆของเขา เอกลักษณ์ในการออก solo ของ Miyavi เป็นความลับอย่างไม่น่าเชื่อ กล้องถ่ายรูปแสดงร่างกายด้านบน ผ้าพันแผลกับรอยสัก ความสามารถของเขาทำการเต้นที่ประหลาดให้ดูดีในเวลานี้สิ่งที่เขาชอบทำคือ กินไก่ และหลับนอนกับการหาเวลาไปเยี่ยมหมอฟัน Miyavi ใช้เวลาว่างบนคอมพิวเตอร์เพื่อ update diary ของเขา และการอ่านอีเมลล์ที่ส่ง jokes และ pictures เมื่อต้องการทำให้สบายใจขึ้น เขาขอบคุณพวกเขาสำหรับสิ่งนั้นเขาบอกแฟนๆว่า รักพวกเขา ไม่สำคัญว่าพวกเขาคือใครหรืออยู่ที่ไหน เขาไม่เคยกลัว แม้แต่การอ่าน fan mail ของเขาบนเวทีคอนเสิร์ต

ผลงาน [ Albums ]


[2002.10.31] Gagaku (【雅楽】-gagaku-) [2003.12.02] Galyuu (雅-galyuu-流) [2005.06.01] Miyavizm (雅-miyavizm-主義) [2006.08.02] MYV ☆ POPS [2006.09.13] Miyaviuta - dokusou - (雅-みやびうた-歌 - 独奏 -) [2007.07.18] Mini remix album : title TBA

Singles


[2002.11.30] Shindemo Boogie-Woogie (死んでもBoogie-Woogie) [2002.11.30] POP is Dead [2002.12.18] Jingle Bell (ジングルベル) [2003.16.04] Jibun Kakumei -2003- (自分革命-2003-) [2003.25.06] Tariraritarara (タリラリタララ♪) [2003.09.03] Coo quack cluck -Ku.Ku.Ru- (Coo quack cluck-ク・ク・ル-) [2004.06.23] Ashita, Genki ni Naare. (あしタ、元気ニなぁレ。) [2004.10.20] Rock no Gyakushuu -Super Star no Jouken- (ロックの逆襲 -スーパースターの条件-) [2005.05.04] Freedom Fighters -Icecream wo Motta Hadashi no Megami to, Kikanjuu wo Motta Hadaka no Ousama- (Freedom Fighters -アイスクリームを持った裸足の女神と、機関銃を持った裸の王様-) [2005.10.12] Kekkonshiki no Uta ~Kisetsu Hazure no Wedding March~ (結婚式の唄~季節はずれのウェディングマーチ~) [2006.01.18] Señor, Señora, Señorita (セニョール セニョーラ セニョリータ) [2006.04.12] Dear my friend / Itoshii hito (Dear my friend / 愛しい人) [2006.07.05] Kimi ni Negai Wo (君に願いを) [2007.06.20] Sakihokoru Hana no you ni -Neo Visualizm- / Kabuki BOIZ (咲き誇る華の様に-Neo Visualizm- / 歌舞伎BOIZ)

DVD


Gekokujou (1st Live Concert DVD) Oresama (First Movie) Hitorigei (PV Collection) Indies Last Live In Nihon Budokan (2nd Live Concert DVD) Noriko no Ichi (Budokan Documentary DVD) Hitorigei (2nd PV Collection) Hitorigei (3rd PV Collection) 25 Shunen Kinen Koen Tokyo Geijutsu Gekijo 5 Days -Dokuso- (3rd Live Concert DVD)

Photobook


[2003.19.09] Miyavi Hajime no Photo Essay Shu WAGAHAI [2004.19.10] Gakincho (ガキんちょ) [2006.07.09] Je Vous Souhaite Un Bon Anniversaire Japanese西洋かぶれ~ぶらり、みちのく一人旅IN U.S.A.

Band scores


Miyavizm [2006. 22. 09] MYV POPS [2006. 22. 09] Miyaviuta

VHS Shibuya Kokaido (concert) Credit :
http://japanrockpop.igetweb.com

<--->Fangtooth<--->


Looking like it just swam out of a horror movie is the amazing fangtooth. Known scientifically as Anoplogaster cornuta, this menacing creature haunts the deep waters of many of the world's oceans. The fangtooth gets its name from its rather impressive looking teeth, which are actually the largest teeth of any fish in the ocean when taken in proportion to body size. Because of its unusually grotesque appearance, the fangtooth has earned the nickname "ogrefish". It is also referred to by some as the common sabretooth.Although the fangtooth may look like a true monster, it is actually a small fish, reaching a maximum length of only six inches (16 centimeters). It has a short, deep body and with a large head and mouth. The head contains numerous mucous cavities separated by serrated ridges. These cavities are covered over with thin skin. The body of this fish is covered with small, prickly scales, and its color varies from black to dark brown. It has very small eyes that are set high on the head. To compensate for relatively poor eyesight, the fangtooth has developed an unusually prominent lateral line which helps it to sense movement and vibration from the surrounding water.Artist rendering of a fangtooth (Wikipedia Commons public image)Undoubtedly the most noticeable characteristic of this species is the teeth. They are so large that the fangs on the lower jaw actually slide into specially formed pockets in the roof of the mouth when the jaw is closed. These pockets extend into sockets on either side of the brain. These teeth become a formidable weapon as the fangtooth hunts squid other small fish. Because its eyesight is not good, many researchers think the fangtooth hunts by a process known as chemoreception, where it essentially must bump into something edible as it searches the dark waters. It is believed that these fish migrate to upper layers of the ocean to feed during the night and then return to the murky depths during the day. If a fangtooth wanders too close to the surface, it risks becoming a meal for larger fish species such as marlin or tuna.Fangtooth reproduce by laying eggs that hatch to reveal tiny plankton-sized larvae. Their spawning frequency is not well known, although it has been observed between June and August. As the larvae eventually grow into the juvenile stage, they look completely different from the adults. They are light gray in color with long spines on their heads. They also have larger eyes and slightly smaller teeth. This difference in appearance initially caused scientists to assume that it was a different species entirely. Unlike the adults, the juveniles feed by filtering plankton from the water using specially formed gill rakes. These gill rakes disappear as they reach maturity. The juveniles begin to resemble the adults when they reach a size of about three inches. At this time they begin to descend down to deeper waters. Scientists still do not know how long they live.The fangtooth is found throughout the world in temperate and tropical ocean regions including the waters off the coast of Australia. It is one of the deepest living fish species yet discovered. These fish are commonly seen between 600 and 6,500 feet (200 - 2,000 meters), but have been observed as deep as 16,000 feet (5,000 meters). The pressure at these great depths is intense and the water temperature is near freezing. The fangtooth is more robust than other deep water species. Researchers have been able to keep them alive for months in captivity in spite of the vast differences in temperature and pressure.

^^ ปลาประหลาดมาก ^^


รายงานข่าวจากประเทศนอร์เวย์ เมื่อสันอังคารที่ผ่านมาระบุว่า มีการค้นพบซากสัตว์ทะเลขนาดใหญ่มหึมา ฝังอยู่บนผืนเกาะอาร์กติก ซึ่งซากที่พบนั้นคาดว่าเป็นซากของสัตว์ประหลาด เนื่องจากไม่มีใครเคยพบเจอและมีการบันทึกข้อมูลของสัตว์ลักษณะนี้อยู่ โดยจากซากที่พบนั้นทำให้ประมาณกาลได้ว่าสัตว์ชนิดนี้มีชีวิตอยู่ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ และมีขนาดใหญ่มากเทียบเท่ากับขนาดรถบัสหรือรถโดยสารเลยที่เดียวโดยชิ้นส่วนที่พบนั้น

มีทั้งส่วนกะโหลกศรีษะ ส่วนของแขนขาและปีก ส่วนของกระดูกสันหลัง และชิ้นส่วนกระดูกฟัน ซึ่งขนาด ของแต่ละชิ้นส่วนที่ค้นพบนั้นมีขนาดใหญ่มาก และทำให้วิเคราะห์ได้ว่าสัตว์ชนิดนี้เป็นสัตว์จำพวกสัตว์เลื้อยคลานที่มีขนาดใหญ่มหึมาหรือสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ และดำรงชีวิตในทะเลในสมัยก่อนยุคประวัติศาสตร์ หรือประมาณเมื่อ 150 ล้านปีก่อนซึ่งทางทีมที่ทำการศึกษาซากที่ค้นพบนั้นได้อธิบายว่า สัตว์ชนิดนี้ถือเป็นสัตว์เลื้อยคลานสายพันธุ์หนึ่งที่มีลักษณะความยาวของคอค่อนข้างสั้น และฟันของมันมีขนาดใหญ่และยาวกว่าแตงกวา

ซึ่งทำให้ระบุขนาดของมันได้ว่าร่างกายที่สมบูรณ์ของมันขณะมีชีวิตอยู่ก็จะยาวมากกว่า 30 ฟุต เทียบเท่ากับขนาดรถบัสเลยทีเดียวถือได้ว่าเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้เปรียบแหมือนไดโนเสาร์พันธุ์ทีเร๊กซ์แห่งท้องทะเลอันแสนน่ากลัวและดุร้ายซึ่งซากที่พบนี้เป็นการค้นพบครั้งสำคัญของนักโบราณคดีชาวนอร์เวย์ โดยได้ค้นพบซากสัตว์ประหลาดดึกดำบรรพ์ชนิดใหม่แถวบริเวณเกาะอาร์กติก

วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2552

- - NANA (BLACK STONES) - -


Song: ROSE by ANNA TSUCHIYA inspi’ NANA (BLACK STONES)
rose
by:
ANNA inspi’ NANA (BLACK STONES)
作詞: ANNA
作曲: Ayumi Miyazaki
Romaji & English translation by: cori
From the single
rose

When I was darkness at that time
furueteru kuchibiru
heya no katasumi de I cry
mogakeba mogaku hodo tsukisasaru kono kizu
yaburareta yakusoku hurt me
。・☆。・☆・。。・☆。・☆・。
When I was darkness at that time
My lips are trembling
and I cry in the corner of the room
The more I struggle, the more this wound pierces
The broken promises hurt me

Nobody can save me
kamisama hitotsu dake
tomete saku you na my love
。・☆。・☆・。。・☆。・☆・。
Nobody can save me
There is just one God
It seems like my love stops and tears me

* I need your love. I’m a broken rose.
maichiru kanashimi your song
ibasho nai kodoku na my life
I need your love. I’m a broken rose.
Oh baby, help me from frozen pain
with your smile, your eyes,
and sing me, just for me
。・☆。・☆・。。・☆。・☆・。
I need your love. I’m a broken rose.
Your song is the sadness that falls down
My lonely life with nowhere to go
I need your love. I’m a broken rose.
Oh baby, help me from frozen pain
with your smile, your eyes,
and sing me, just for me

I wanna need your love…
I’m a broken rose
I wanna need your love…

When you are with me at that time
anata no kage wo oikakete
hadashi de kakenukete stop me
tozaseba tozasu hodo motsureteku kono ai
yuruyaka ni yasashiku kiss me
。・☆。・☆・。。・☆。・☆・。
When you are with me at that time
I chase after your shadow
and ran through it barefoot; stop me
The more I block it, the more this love gets complicated
Kiss me gently, tenderly

Nobody can save me
kogoeru bara no you ni
yasashiku nemuritai my tears
。・☆。・☆・。。・☆。・☆・。
Nobody can save me
Like a frozen rose
I want to sleep gently; my tears

I need your love. I’m a broken rose.
kareochiru kanashimi my soul
kuzureteku kodoku na little girl
I need your love. I’m a broken rose.
Oh baby, help me from frozen pain
with your smile, your eyes,
and sing me, just for me
。・☆。・☆・。。・☆。・☆・。
I need your love. I’m a broken rose.
My sad soul dies off
I’m a little girl that breaks down
I need your love. I’m a broken rose.
Oh baby, help me from frozen pain
with your smile, your eyes,
and sing me, just for me

I wanna need your love…
I’m a broken rose
I wanna need your love…

* repeat

I wanna need your love…
I’m a broken rose
I wanna need your love…

Nezumi says: ' dai jeo bu ' ( i'm okay )
From left { yasu - nana - shin - nobu }I am so in love with Black stones !Well, it's not really a ' real ' band, it's from NANA [ an anime in case you don't know ]Look at the photo, they even had MP3 for them. By gigbeat ( hope i spelt them correctly), a REAL BIG music company from JAPAN.They also featured TRAPNEST's [ another band from NANA ] MP3
Well obviously, Gigabeat likes black stone for,look at the gay coloured MP3 Trapnest have.Anyway, let me introduce their member.From left{ blond guy [ i cant remember his name ],Ren [ nana's man ], Reira, Takumi }Although i prefer Reira;s voice to Nana's but i still find NANA way much more cooler.Anyway, anyhow, YOU MUST watch nana! i thought it's a little Nc-16 but still, its nice!Oh yea, the starting few episode really made me cry.Its about nanaS's love life. In case you don't know there's two Nana in the anime, NANA.It's very confusing, that's why the punk rock NANA [ above picture ] called the slutty nana, HACHI ( a dog name ). You watch the show, you'd know why i name her slutty.Oh yeah, i just changed my play list completely.The songs are all from NANA anime.I had a hard time in choosing which song to play firstbetween the first track, ' A little painful ' and second track, ' stareless night'.Well actually, i prefer ' stareless night ' more because i only like the chorus of ' A little painful 'But anyway, both is a must hear ! Both track are from ' TRAPNEST '' Rose ' and ' Zerp ' is also a must hear song ! by NANA - Black Stones.I didn't really like ' stand by me ' because i thought NANA's voice doesn't suitslow sad song. I just so love her scratchy sound in a punk rock song.Scroll down to my play list to play the songs, if not just leave this site in your task barand surf other webbie while enjoying the music here ^-^Ha, i finished 30 episodes of NANA the whole night yesterday and i totally forgottento watch my BLEACH 121.No matter what, must watch NANA !It's a romantic cum punk rock kinda anime.REALLY TOUCHING ! watch watch watch :Dtime for bleach, tadah.